Title ::[SF] ## เปลี่ยนอดีต ## End in part
STORY BY :: Tachi_Naniki
Pairing:: YUNHO x JAEJOONG
Category: Romantic comedy , Drama
RATE :: PG-13ขอให้อ่านแบบตั้งใจเพราะนิกใส่รายละเอียดเยอะมากจริงๆค่ะ .. ผ้าม่านสีอ่อนพริ้วไหวไปตามระลอกสายลมหนาวยะเยือกยามค่ำคืนเกิดเสียงเสียดสีของเนื้อผ้ายามโบกสะบัดพัดปลิวไหวเนื่องจากความรุนแรงของลมปะทะ ... ต้นไม้ต้นเล็กไร้ดอกไร้ผลในกระถางสีน้ำตาลดินเหนียวบนขอบหน้าต่างชั้นสองห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงโอนอ่อนปลิวลู่ไปตามกระแสลมอย่างยอมจำนนต่อโชคชะตา ... ทว่าต้นไม้อ่อนแรงใกล้ชะตาขาดถูกโอบอุ้มปกป้องจากฝ่ามือใหญ่แข็งแรงที่ยื่นเข้ามาบดบังลำต้นไว้ยามเมื่อต้องลมจนต้นเอียงเอน ..
แสงสะท้อนจากเงาจันทร์สุกสว่างท่ามกลางหมู่แมกไม้หนาทึบชวนโหยหาบรรยากาศเก่าๆเมื่อแรกเริ่มเดิมที ... นัยน์ตาคมเรียวเล็กหลุบมองพืชสีเขียวอ่อนแรงในอุ้งมืออย่างโศกเศร้าอาดูร ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปปิดบานหน้าต่างป้องกันลมหนาวทำลายความงดงามของต้นไม้เพียงหนึ่งเดียวที่คนๆนั้นเหลือทิ้งเอาไว้ให้ ...
หากในตอนนั้นมัจจุราชอยากจะมาเอาชีวิตของเขาไปแทนเพื่อแลกกับชีวิตของใครอีกคนหนึ่งที่เขารักมาก ... เขายอม ... ยอมทุกอย่าง .. ยอมแม้กระทั่งให้คนๆนั้นใช้ชีวิตแทนเขาที่ยอมสละชีวิตทั้งชีวิตเพื่อแลกอีกชีวิตกลับคืนมา ...
.............. แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ...............
ความสิ้นหวัง ความเศร้า ความเสียใจ ความอาลัยอาวรณ์ ความรู้สึกหม่นหมองทุกอย่างกำลังจู่โจมผู้ชายคนหนึ่งที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำแต่หัวใจที่เต้นตุบตับอยู่ภายในช่างแสนอ่อนแอไม่สมกับรูปร่างใหญ่โต ... วิธีแก้ไขเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นมีเพียงการกลับไปแก้ไขอดีตซึ่งเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ...
ผู้ชายคนนี้กำลังจตายทั้งเป็น ...... เขาผลอยหลับไปทั้งๆที่น้ำตาไหลไม่ยอมหยุด ... เตียงสีขาวกว้างใหญ่ที่อีกฟากหนึ่งกลับว่างเปล่าไร้คนข้างกายหนุนนอน ... มือหยาบร้อนสั่นเทาลูบไล้ที่นอนว่างเปล่ายับยู่ยี่กรุ่นกลิ่นหอมอ่อนๆประจำกายของใครอีกคนอย่างคิดถึง ... ก่อนที่ความเหนื่อยล้าทางจิตใจจะค่อยๆฉุดรั้งสติอันน้อยนิดลงสู่ห้วงนิทรา ....
“อยากลองแก้ไขอดีตดูมั้ย?...” เสียงก้องกังวาลทุ้มหวานคุ้นเคยดังก้องอยู่ในหัวสมอง .. ภาพตรงหน้าดำมืดไร้แสงสว่าง ไม่ว่าจะพยายามมองไปทางไหนก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดใด ....
“คุณเป็นใครน่ะ???...” ชายหนุ่มที่รู้สึกเหมือนเวิ้งว้างยามเมื่ออยู่ในสถานที่มืดมิดเอ่ยถามบุคคลปริศนาที่ไม่ยอมปรากฏร่างให้เขาเห็น ...
“ไม่สำคัญหรอกว่าผมเป็นใคร... แค่ตอบมาก็พอว่าคุณอยากแก้ไขในสิ่งผิดพลาดในอดีตหรือเปล่า?..”
“ผ .. ผม ... ผมอยาก .... “ ตอบโดยไม่ต้องคิดเพราะเขาอยากแก้ไขทุกอย่างใหม่หมด ถึงแม้เรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้จะเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่เขาก็ตอบในสิ่งที่เขาต้องการออกไปโดยไม่ต้องคิดไตร่ตรอง ... ความมืดมิดรอบด้านค่อยๆมลายสลายหายไปเหลือไว้แต่เพียงพื้นที่สีขาวเวิ้งว้างกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด ... ชายหนุ่มตวัดหันไปมองทางด้านหลังเมื่อรู้สึกถึงสายตาของใครบางคนกำลังมองเขาอยู่ ...
ตกใจแทบสิ้นสติ ... ใบหน้าหวานสวย ผิวขาวละเอียดราวกับหิมะ ริมฝีปากแดงสด จมูกโด่งเป็นสัน ... นั่นมัน ....
“คิมแจจุง???????” “...............” หนุ่มน้อยหน้าหวานในชุดขาวพริ้วไหวเพียงยิ้มให้ชายหนุ่มเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่ภาพต่างๆภายในมิติแปลกประหลาดจะค่อยๆบิดเบี้ยวและแตกสลายหายไป ... .
.........................................
.....................
เฮือก !!!!!!!!!!!!!!
สะดุ้งพรวดแทบลุกจากเก้าอี้ .. ว่าแต่ ... นี่มันเก้าอี้สำหรับนั่งรอรถประจำทาง ... ผู้คนมากมายขึ้นลงจากรถแลดูวุ่นวายราวกับเป็นช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วนของกรุงโซล ... ถึงแม้จะยังงงๆว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่ชายหนุ่มก็มีสติมากพอที่จะแหงนมองดูนาฬิกาโรเล็กซ์บนข้อมือผิวสีแทน .... นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างเกือบเท่าไข่ห่านเมื่อพบว่าวันที่ เดือน ปีย้อนถอยหลังไปมากกว่า 3 เดือน
เมื่อกี้ไม่ใช่ความฝัน !!!!!!!!!!!!!!
เมื่อตระหนักได้ว่าความฝันเมื่อครู่กลายเป็นความจริง ... ชอง ยุนโฮแทบจะล้มทั้งยืนเพราะมัวแต่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ... ฉับพลันทันใดนั้นเขาหันไปเห็นร่างบอบบางในชุดสูททำงานสีขาวคุ้นตาที่ยืนอยู่หน้าป้ายรถเมล์ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ... ใบหน้าหวานขาวเนียนรับกับนัยน์ตากลมโตหรี่เล็กเนื่องจากเจ้าตัวมักง่วงนอนทุกครั้งที่ต้องตื่นไปบริษัท.... ราวกับโดนมนต์สะกด .. ขายาวไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ได้แต่อ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูกเพราะกว่าสามเดือนแล้วที่เขาไม่ได้คลุกคลีอยู่กับคนๆนี้เลย ..
จะโทษใครก็ไม่ได้ ต้องโทษที่ตัวเขาเองเป็นสาเหตุให้หนุ่มน้อยหน้าหวานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู้หมั้นต้องเสียชีวิตลงทั้งๆที่อายุยังน้อย
“แจจุง .. .ขึ้นรถ...” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจในรถยนตร์หรูเปิดประทุน bugatii veyron สีดำแดงเลื่อนกระจกลงแล้วตะโกนออกจากรถเพื่อเรียกให้คู่หมั้นตัวเล็กขึ้นรถแต่โดยดี ... แต่ด้วยความที่เป็นลูกคนรวยซึ่งถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจ จึงอ่อนโยนกับคู่หมั้นที่ค่อนข้างจิตใจอ่อนไหวง่ายไม่เป็น .. กระชากเสียงเพียงนิดเดียว หนุ่มหน้าหวานก็เกิดความไม่พอใจเอาได้ง่ายๆ ...
“ทำไมพี่ชอบกระชากเสียงใส่ผมทุกทีเลย .. พูดเฉยๆไม่เป็นเหรอฮะ??..” ตะโกนเข้าไปในรถอย่างไม่อาย ทั้งๆที่มีคนรอรถเมล์อยู่เป็นร้อย แต่คิมแจจุงก็ใช่จะสนใจ ... การฉะปากกันแบบนี้แทบจะเป็นกิจวัตรที่ทั้งยุนโฮและแจจุงชินเสียแล้ว .. ในเมื่อพ่อแม่จับให้แต่งงานกัน พื้นฐานความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงไม่ได้เกิดจากความรัก ...แค่ทำทุกอย่างออกไปเพราะเป็นหน้าที่ที่คู่หมั้นควรจะกระทำเท่านั้น ...
“ขึ้นรถเหอะน่า .. ทำไมชอบทำเรื่องเล็กๆให้มันใหญ่ขึ้นด้วย .. พี่ชักจะหงุดหงิดแล้วนะ ..เดี๋ยววันหลังก็ไม่ให้ออกมาค้างกับครอบครัวเลยนี่ ปัญหามากชะมัด” สาบานได้ว่า ชองยุนโฮที่ถูกย้อนเวลากลับมาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดกำลังเสียใจกับการกระทำของตัวเองเมื่อครั้งที่แจจุงยังมีชีวิตอยู่ .. เขาไม่เคยเห็นความสำคัญของคู่หมั้นคนนี้เลย จนกระทั่ง คิมแจจุง ... จากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน ...
ในที่สุดเด็กหนุ่มตัวเล็กก็ยอมเปิดประตูก้าวเข้าไปในรถทั้งๆที่ใบหน้ายังบูดบึ้ง ... ไม่ต่างอะไรกับคนขับรถที่เหยียบคันเร่งซะแทบมิดสร้างความฮือฮาให้กับประชาชนคนแถวนั้นที่แอบชื่นชมในความหล่อรวยของนักธุรกิจมาดหล่อเลว...
ชอง ยุนโฮจากอนาคตรีบโบกรถเมล์เพื่อเดินทางไปยังบริษัทสาขาใหญ่ที่ตัวเองประจำแทนพ่อมาได้ปีกว่าๆแล้วอย่างรีบเร่ง ... เขาวิ่งเข้าไปในบริษัทอย่างหมดมาดนักธุรกิจพันล้าน ถึงแม้เสื้อบนตัวจะเป็นเสื้อโค้ทหนังแท้สีดำยาว ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตจากนอก ส่วนกางเกงยีนส์นำเข้าจากญี่ปุ่น แต่ความเร่งรีบทำให้ของพวกนั้นแทบจะหมดค่าลงในสายตาของลูกน้องทั้งบริษัท .... คิดเอาเองทั้งสิ้นเพราะความจริงแล้วลูกน้องกำลังงงว่า เมื่อกี้คุณยุนโฮเพิ่งเข้าบริษัทคู่กับคิมแจจุง แล้วทำไมคุณยุนโฮถึงได้โผล่มาอีกได้ละ?
“เอ่อ ... คุณยุนโฮครับ ... สวัสดีครับ..” ถึงจะงงยังไง เอาเป็นว่าทักทายสวัสดีเอาไว้ก่อนกันเหนียว .. คนถูกทักทายได้แต่ยกมือขึ้นห้ามปรามแสดงถึงความรีบเร่งอย่างเห็นได้ชัด .. ทั้งๆที่วันนี้ไม่มีประชุม ทำไมถึงได้รีบขนาดนั้นก็ไม่รู้ ...
ลูกน้องในบริษัททุกคนต่างทักทายยุนโฮกันอย่างงงๆ เพราะเหมือนจะเห็นท่านประธานไปแล้วเมื่อตะกี้นี้ ... แต่ยุนโฮไม่คิดจะสนใจในรายละเอียดนั้น ... เขามุ่งตรงไปยังห้องของตัวเอง แต่โชคไม่เข้าข้างมากนักเมื่อเจ้าบ้ายุนโฮในอดีตที่ไมรู้จักคุณค่าของคู่หมั้นออกคำสั่งให้คู่หมั้นที่เลื่อนฐานะมาเป็นเลขาส่วนตัวออกไปชงกาแฟทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องเลยสักนิด ... ในขณะที่กำลังคาดโทษคนใจร้าย(?) เด็กหนุ่มนหน้าหวานที่กำลังชงกาแฟอยู่หน้าห้องก็หันมาสบตากับเขาเต็มๆ ....
"...................." ผิดคาด แจจุงหันกลับไปก้มหน้าก้มตาชงกาแฟเหมือนเดิม ... ให้ทายว่าอีกฝ่ายคงเซ็งหน้าเจ้ายุนโฮที่คงนั่งสิงอยู่ในห้องและเอาแต่ออกคำสั่ง ....
"แจจุง .........." ลองเรียกดูเพราะถึงยังไง แจจุงก็เห็นเขาไปแล้ว ....
"มีอะไร ? ... ออกมาจากห้องทำไม ... ก็ไปนั่งรออยู่เฉยๆสิ.." ตอบเสียงเรียบแสดงถึงความเซ็งสุดชีวิต อาจจะผสมงอนอีกนิดหน่อย ... ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยคิดจะง้อแจจุงมาก่อน แต่เขาจำเป็นต้องทำเพราะเขารู้สึกผิดมากที่ทำร้ายจิตใจคนๆนี้จนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย ... ขอทำเป็นลืมว่ามีเจ้าบ้ายุนโฮนั่งทำงานอยู่ในห้องก่อนก็แล้วกัน ...
"ขอเวลาเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวค่อยกลับมาชงต่อได้หรือเปล่า?..." เสียงทุ้มนุ่มนวลแปลกไปจากเดิมทำให้มือเล็กของคนตัวบางถึงกับหยุดชะงัก ... นัยน์ตากลมใสตวัดสบตากับชายหนุ่มมาดนักธุรกิจที่เสื้อผ้าเปลี่ยนไปจากเดิมนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดถามอะไร
"อื้อ....." สิ้นเสียงอนุญาต ... ยุนโฮคว้าข้อมือขาวนุ่มนิ่มแล้วฉุดกระชากเข้าไปในห้องเก็บของที่อยู่ไม่ไกลจากห้องท่านประธานมากนัก ... ร่างบางตกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆก็ถูกฉุดกระชากเข้ามากะทันหันแบบนี้ แต่แล้วก็ต้องเงียบปิดปากสนิทเมื่อไฟบนเพดานถูกเปิดจนสว่างวาบไปทั้งห้องเผยให้เห็นคนที่ลากตัวเขาเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวกันก่อน .. ความเงียบคือสิ่งแรกที่คลืบคลานเข้ามาในห้องแห่งนี้
"นี่ ... "
"???????????"
"ขอกอดหน่อยได้มั้ย?..." เกาหัวแก้เขินอย่างอายๆ ที่พูดออกไปแบบนั้นเพราะความคิดถึงล้วนๆ .. ... และดูเหมือนว่า ร่างบางเองจะยังไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่ แถมยังก้มหน้าก้มตาทำอะไรแทบไม่ถูกอีกด้วย ... ใบหน้าหวานเริ่มสูบฉีดเลือดมาหล่อเลี้ยงจนแก้มขาวๆชักแดงแจ๋ ... ไม่อยากจะเชื่อว่า แจจุงกำลังเขิน !!!
"ท ... ทำไมถึง?...."
"ชู่ววว..." ยกเรียวนิ้วปิดริมฝีปากแดงอิ่มที่กำลังเอื้อนเอ่ยคำถาม ก่อนที่คนตัวสูงจะใช้แขนอีกข้างหนึ่งโอบรอบเอวบางแล้วดึงเข้าหาแผงอกอบอุ่น ... ร่างบางตัวแข็งทื่อ ได้แต่ปล่อยให้คู่หมั้นร่างสูงกอดกระชับอยู่อย่างนั้นจนพอใจ ... ยุนโฮคลายอ้อมกอดแล้วผละออกมายิ้มหล่อๆให้คู่หมั้นตัวเล็กที่เขินจนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ..
"ฟังนะ แจจุง ... ถ้ากลับเข้าไปในห้องทำงานของฉันพร้อมกาแฟ .. แจจุงอาจจะไม่เข้าใจในตอนแรก แต่ถ้าถึงเวลาของมันเมื่อไหร่ ... แจจุงจะเข้าใจทุกอย่างเอง ... "พูดแบบนี้ก็งงได้ง่ายๆน่ะสิ ... แจจุงเพียงพยักหน้าหงึกๆทำเหมือนเข้าใจในสิ่งที่ร่างสูงตรงหน้าพูด ก่อนที่จะออกไปชงกาแฟอีกครั้งตามคำสั่ง ... ครั้นจะยื่นกาแฟให้ .. คู่หมั้นร่างสูงที่เมื่อกี้ยังยืนอยู่ข้างๆก็หายไปอย่างไร้ร้องรอยแล้ว ...
"อาจจะเข้าไปในห้องแล้วมั้ง??.." พูดกับตัวเองแล้วยกกาแฟร้อนเข้าไปในห้องท่านประธาน .. .กะจะพูดดีด้วยเพราะเห็นว่าเมื่อกี้ยุนโฮทำตัวแปลกประหลาดไปจากเดิม แต่พอก้าวเข้าไปในห้องไม่ทันไร เสียงบ่นกระปอดประแปดผิดกับเมื่อครู่นี้ลิบลับก็ดังขึ้นก่อ่นที่จะเห็นตัวคนบ่นด้วยซ้ำ ...
"ทำไมช้าจัง ....ฉันรอจนจะลืมไปแล้วว่าสั่งให้เธอไปชงกแฟ..."
ปึง !!!!!!!!!!!!!!
แก้วกาแฟร้อนแทบร้าวเมื่อเจอพิษสงของคู่หมั้นตัวเล็กเข้าไปเต็มๆ ... ร่างบางกระแทกก้นกาแฟลงกับโต๊ะทำงานของท่านประธานโดยไม่คิดจะหันไปมองหน้าเลยสักนิด .. มองไปก็เสียอารมณ์เปล่าๆ แต่เพราะนัยน์ตาสีหวานเหลือบไปเห็นการแต่งกายของคู่หมั้น .. ก็ถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เพราะเมื่อกี้นี้ชอง ยุนโฮไม่ได้ใส่สูทสีดำ แต่ใส่เสื้อโค้ทสีดำทับเชิ้ตมาอีกทีต่างหาก ...
นี่มันอะไรกันเนี่ย ???????? ...
.......................................
......................
ชองยุนโฮจากโลกอนาคตรีบโบกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้าน .. ถึงแม้จะรวยล้นฟ้าแต่บ้านสองชั้นหลังนี้ก็ไม่ได้จ้างคนใช้ด้วยเหตุผลที่ว่า ชอบความเป็นส่วนตัว ... ขายาวแทบจะก้าวขึ้นบันไดทีละสองขั้นเพื่อเข้าไปในห้องนอนพลางสอดส่ายสายตาหาต้นไม้ต้นเล็กๆที่ยังคงอ่อนแอเฉกเช่นเจ้าของที่ยื่นมันให้กับเขาในวันเกิดอายุครบ 27 ปี ... แต่เขาก็ไม่เคยสนใจที่จะดูแลมัน จนกระทั่งมันเติบโตอย่างขี้โรค
พอหาเป้าหมายเจอแล้ว ... ยุนโฮหยิบถังน้ำจิ๋วสำหรับรดน้ำต้นไม้มารองน้ำจากก๊อกน้ำ ก่อนจะวกกลับไปหาต้นไม้ต้นนั้นอีกครั้งแล้วค่อยๆประคองก้านของมันอย่างทะนุถนอมพลางเทน้ำจากถังน้ำทีละนิดๆจนกระทั่งหมดถัง ... อมยิ้มน้อยๆเมื่อความชุ่มชื้นกำลังทำให้มันสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ....
"ฉันขอโทษนะที่เมื่อก่อน ฉันไม่เคยดูแลเจ้าเลย ... " เอ่ยเบาๆพลางประคองมันอย่างทะนุถนอมมากขึ้น ...
เมื่อเห็นว่าควรจะหันไปทำอย่างอื่นได้แล้ว ชองยุนโฮรีบหงายนาฬิกาขึ้นดูเวลา นัยน์ตาคมเบิกกว้างเมื่อตระหนักได้ว่าตอนเย็นของวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น .. เห็นชัดๆกันแล้วว่า แจจุงรู้สึกไม่พอใจยุนโฮ(ในอดีต)อย่างมากถึงขั้นฉะปากกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน .. รอยแตกร้าวที่ยุนโฮไม่คิดจะแก้ไขกำลังทำให้เรื่องราวเดินทางมาจนถึงจุดสิ้นสุด .. .ซึ่งเขาไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว ...
หากเขาได้แจจุงกลับคืนมา .. เขาสัญญาต่อฟ้าต่อดินว่าจะดูแลคนๆนี้ให้ดีที่สุด .. จะไม่หงุดหงิด จะไม่พาล จะไม่ทำร้ายจิตใจของคนที่เขารัก .. ถึงแจจุงจะอยู่ในฐานะเป็นแค่คู่หมั้นกับเขาก็ตาม แต่สถานะในความเป็นจริงแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคู่รักกันได้แล้วเพราะอยู่กินกันมาหลายเดือนแล้วตามคำสั่งของพ่อแม่ ..
ชายหนุ่มร่างสูงรีบออกจากบ้านมุ่งตรงไปยังร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งกลางกรุงเฝ้ารอเวลาที่ชองยุนโฮกับคิมแจจุงมารับประทานอาหารกันที่นี่ ... เขาหยิบมวนบุหรี่จากในเสื้อโค้ทมาจุดสูบฆ่าเวลา .. นัยน์ตาคมกวาดมองความสวยงามของท้องถนนและร้านรวงต่างๆมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น .. สมัยก่อนเขาไม่เคยสังเกตเห็นมันเลยเพราะจิตใจที่คับแคบคอยบดบังทุกสิ่งทุกอย่างจากสายตา .. บดบังแม้กระทั่งความสำคัญของคู่หมั้นตัวเล็ก .. กว่าจะสำนึกได้ว่า แจจุงสำคัญกับตัวเองแค่ไหน ก็เมื่อเสียเขาไปแล้ว ...
นั่งลงบนทางเท้าอย่างหมดคราบนักธุรกิจเอาแต่ใจ ... โยนมวนบุหรี่ที่สูบเกือบหมดแล้วลงกับพื้น ก่อนจะใช้รองเท้าผ้าใบเหยียบมันจนดับ ... ไอเย็นสีขาวถูกพ่นออกจากริมฝีปากหนาเพราะสภาพอกาศที่หนาวเย็นเกือบติดลบ ... รอมาได้สักสามถึงสี่ชั่วโมง ... บุคคลอันเป็นเป้าหมายก็ปรากฏตัวขึ้น .. ที่รู้เพราะยุนโฮยังคงจำวันนั้นได้ ... วันที่คิมแจจุงจากเขาไปตลอดกาล ...
"หยุดถามเรื่องนี้สักทีเถอะน่า แจจุง ... ฉันบอกไปแล้วว่าเขาก็แค่ผู้หญิงคนนึงที่เข้ามาอะไรๆกับฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้เล่นด้วยสักหน่อย..." เสียงทุ้มหงุดหงิดดังมาตามกระแสอากาศ ทำให้ชองยุนโฮจากอนาคตต้องรีบหาที่หลบในทันที ...
"อ่าฮะ .. ไม่ถามแล้วก็ได้ ... จะทำอะไร จะไปมีหญิงอื่นก็เรื่องของพี่ .. ผมไม่ยุ่งแล้ว.." ทำไมเมื่อตอนนั้นเขาถึงได้มองไม่เห็นกันนะว่า แจจุงกำลังหึงเขามาก ... มากถึงขนาดเข้าสู่ภาวะโกรธผสมอาการงอน ... แจจุงแคร์และรักเขามากขนาดนี้ทำไมเขาถึงกล้าตวาดแจจุง .. เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง ..
"อย่ามาประชดพี่นะ แจจุง ..."
"ผมเปล่านี่ .. ก็ผมจะไม่ยุ่งแล้วไง .. พี่ปล่อยผมนะ ..." จากที่ชวนกันมากินข้าว ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ากำลังจะทำสงครามกันหน้าร้านอาหาร ... ยุนโฮใจร้ายคนนั้นคว้าข้อมือเล็กแล้วฉุดกระชากเข้าหาตัวอย่างแรงหวังจะทำให้แจจุงหายพยศและเลิกประชดประชันเขาสักที แต่ผิดคาด ... แจจุงสะบัดมันทิ้งอย่างไม่ใยดีแล้ววิ่งออกจากตรงนั้นไป ...
ราวกับภาพสโลโมชั่นในภาพยนตร์ ... ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างตะโกนเตือนเด็กหนุ่มตัวเล็กที่วิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตพร้อมทั้งปาดน้ำตาที่มันไหลเต็มแก้มไม่หยุดอย่างลวกๆ ... ยุนโฮที่ไม่มีหัวใจคนนั้นสั่งให้ขายาวๆของตัวเองก้าวพุ่งตามเด็กหนุ่มตัวบางไปหวังคว้าร่างบอบบางเข้ามาอยู่ในแนวปลอดภัย ... แต่เร็วไม่เท่า "ชองยุนโฮ" ที่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าอยู่แล้ว ...
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!?
รถเก๋งที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงพยายามเบรกจนล้อฟรีครูดเสียดไปกับพื้นถนนจนเกิดเสียงดังลั่น .. กลิ่นยางไหม้ลอยมาปะทะจมูก ... ชายหนุ่มร่างสูงในชุดโค้ทสีดำยาววิ่งเข้าไปคว้าร่างบอบบางมาไว้ในอ้อมกอด ... ก่อนที่แรงปะทะมหาศาลจากรถเก๋งคันนั้นจะมาอยู่ที่ชอง ยุนโฮแทนแบบเต็มๆ ...
"..............ยุุน ............. ยุนโฮฮฮฮฮฮฮ..." ร่างบางที่ไม่ได้รับอันตรายใดใดล้มลงทับร่างสูงใหญ่ที่รับแรงปะทะทั้งหมดจนเลือดไหลอาบถนน ... นัยน์ตาคมอ่อนแสงเพียงกระพริบช้าๆมองใบหน้าหวานสวยของคนที่ลุกขึ้นจากอ้อมกอดอบอุ่นปลอดภัยแล้วเขย่าร่างกายกำยำทั้งน้ำตา ... ไม่ต่างจากชอง ยุนโฮใจร้ายที่พุ่งตัวเข้ามากอดรัดแจจุงไว้แน่น แล้วพยายามสำรวจอาการคนเจ็บตรงหน้าอย่างละเอียด แต่เมื่อยุนโฮเห็นใบหน้าของยุนโฮอีกคนหนึ่งอย่างชัดเจน ... เขาแทบจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อพบว่า ... นั่นมันตัวเขาเองชัดๆ ... ไม่จริง????
"ฟังให้ดีนะ ..... ชอง ยุนโฮ .... ต่อจากนี้ .... ดูแลแจจุง ... คู่หมั้นของนายให้ดี ....... ฉันช่วยนายได้เท่านี้ .... และจะไม่มีครั้งที่สองอีก..." ยุนโฮที่ตอนนี้มองอะไรแทบไม่ชัดแล้ว ยิ้มรับให้กับความตายของตัวเอง ... เขายอมตายแทนแจจุง ... ยอมทุกอย่างเพราะเขาไม่มีอะไรจะให้เสียอีกแล้ว
หากจะให้กลับไปใช้ชีวิตแบบโดยเดี่ยวเดียวดายอีกครั้ง เขาก็ไม่เอาแล้วเช่นกัน ... มันทรมานเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ....
"ฟังนะ แจจุง ... ถ้ากลับเข้าไปในห้องทำงานของฉันพร้อมกาแฟ .. แจจุงอาจจะไม่เข้าใจในตอนแรก แต่ถ้าถึงเวลาของมันเมื่อไหร่ ... แจจุงจะเข้าใจทุกอย่างเอง ... "คำพูดเหล่านั้นไหลย้อนเข้ามาในสมองน้อยๆทันทีที่เรื่องราวมาถึงจุดสิ้นสุด ... แจจุงเขย่าร่างของยุนโฮตัวเปื้อนเลือดพลางร้องไห้โฮราวกับคนขาดสติ ... ส่วนยุนโฮที่ยังคงมีชีวิตอยู่ได้แต่กอดรัดร่างบอบบางไว้แน่นเพราะเพิ่งตระหนักได้ว่า เขาเกือบเสียคนตรงหน้าไปแล้ว ... ไม่ว่ายุนโฮตรงหน้าเขาจะเป็นใครมาจากไหนกันแน่ แต่ที่แน่ๆ เขาควรเชื่อคำสั่งเสียนี้ ...
ภาพต่างๆค่อยๆดำมืดลงจนกระทั่งไร้แสงสว่าง .. ภาพแห่งความทรงจำมากมายระหว่างเขากับคิมแจจุงค่อยไหลย้อนเข้ามาฉายอยู่ในหัวสมอง ... เหมือนกับคนใกล้ตายที่ต้องเห็นภาพในอดีตมากมายก่อนสิ้นลม ... ความเจ็บปวดต่างๆพลันหายไป .. ก่อนที่สติสุดท้ายจะค่อยๆดับวูบ ....
...............................
...................
เฮือก !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ลุกขึ้นนั่งพลางหอบหายใจอยู่บนเตียงสีขาว .. แสงสว่างจากภายนอกบ่งบอกว่าเป็นเวลาเช้าตรู่แยงเข้าปะทะม่านตาของชายหนุ่มร่างสูงที่ยกมือขึ้นขยี้ศีรษะอย่างแรงเพื่อไล่ความเจ็บปวดที่ยังคงหลงเหลืออยู่จากความฝัน ??? ...
เอ๊ะ?? ... ฝันงั้นเหรอ??? ...
"ตื่นแล้วเหรอยุนโฮ??... เป็นอะไรไป ... ทำไมเหงื่อเต็มหน้าแบบนั้น???..." มือหนาชะงักกึกแทบจะทันทีที่ได้ยินสุ้มเสียงหวานหยาดเยิ้มยามตื่นนอนที่แสนคุ้นเคย .. เมื่อก่อนเขาไม่เคยเห็นความสำคัญเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้หัวใจดวงโตมันกำลังเต้นเริงร่าอยู่ในอก ... เขาอยากหันไปมองใจจะขาดแต่ก็ไม่กล้า
.. กลัว .. กลัวว่าทุกอย่างจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น ...
กลัวว่าตัวเองต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง ..
กลัว ... กลัวเหลือเกิน ..
เมื่อเห็นว่านักธุรกิจหนุ่มไม่ยอมหันมาสบตากันสักที .. หนุ่มน้อยร่างบางในชุดเสื้อกล้ามสบายๆก็ลุกขึ้นนั่งบ้างแล้วชะโงกหน้าหวานๆมาแอบมองใบหน้าหล่อคมที่ยังคงหล่อเสมอต้นเสมอปลายพลางยกมือทาบสัมผัสหน้าผากอุ่นๆ ...
"ตัวก็ไม่ร้อนนี่ ...."
"ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ... เรานั่นแหละ เป็นอะไรหรือเปล่า?..." ยุนโฮลืมตาขึ้นฉับพลันทำให้แจจุงต้องรีบผงะออก .. ใบหน้าหวานแดงระเรื่อคล้ายผลมะเขือเทศสุกปลั่งจากต้น .. นั่นทำให้ยุนโฮย้อนถามแจจุงได้ ... แต่ก็มีอันต้องจุกเมื่อถึงตาแจจุงแกล้งยุนโฮคืนบ้าง
"เป็น ....."
"หา?? .. เป็นอะไร?? ... ไม่สบายเหรอ??... กินยามั้ย? เดี๋ยวฉันลงไปหยิบมาให้..." ห่วงเวอร์ .. นั่นคือนิสัยประจำของชองยุนโฮหลังเกือบเสียแจจุงให้กับมัจจุราชไปในวันนั้น ..
ภาพในวันนั้นยังคงติดตาแจจุงไม่หาย .. ภาพที่ยุนโฮบนถนนยอมสละชีวิตแทนเขาแล้วค่อยๆสลายหายไปต่อหน้าต่อตาราวกับตรงนั้นไม่เคยมีคนตายมาก่อน .. แน่นอนว่าแจจุงจำได้แ ต่แจจุงไม่เคยเอ่ยถึงเหตุการณ์นั้นอีกเลย
"ล้อเล่นน่า ... อย่ามาเวอร์ขนาดนั้น ..."
"จะไม่ให้เวอร์ได้ยังไงละ .... ฉัน .... ก็ฉัน ...." รู้สึกเหมือนโดนใครเอาสก็อตเทปปิดปาก .. อยากจะพูดใจจะขาด แต่เขากำลังคิดอยู่ว่าเรื่องนี้ควรพูดให้แจจุงรู้ดีหรือเปล่า? ...
"............................."
"ฉัน ... ได้แจจุงกลับคืนมาแล้ว ... " ในที่สุดก็พูดออกไป .. ยุนโฮหน้าแดงเถือก แม้แจจุงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แต่อย่างน้อยๆ เขาก็ได้พูดออกไปแล้ว ...
"พี่นี่พูดอะไรเลอะเลือนใหญ่แล้ว ... " นั่นไง ไม่เข้าใจจริงๆด้วย ...
"ขอกอดหน่อยสิ ..." ชอง ยุนโฮไม่พูดเปล่า แถมยังคว้าร่างเล็กๆเข้าไปกอดแน่นๆให้หายคิดถึงสักที ... ซึ่งแจจุงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ... ร่างบางซุกซบคู่หมั้นร่างสูงพลางหลับตาซึมซับบรรยากาศอบอุ่นยามเช้าด้วยความเต็มใจ ... เขาชอบให้ยุนโฮกอดที่สุดแล้วและไม่คิดจะปฏิเสธในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเสนอตัวเสียขนาดนี้ ..
"ผมรักพี่นะ ...." อยู่ๆแจจุงก็พูดออกมา ... เล่นเอาคนร่างสูงได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางกอดกระชับร่างกายบอบบางแน่นกว่าเดิม ...
"ฉันก็รักแจจุง .... แต่งงานกับพี่นะ ..."
>///<
ชองยุนโฮขอสัญญาว่าจะดูแลคิมแจจุงให้ดี .... ผมตระหนักแล้วว่าการเสียเขาไปนานกว่าสามเดือนมันทำให้ผมทุรนทุรายและอยู่อย่างทรมานแค่ไหน ..
ณ ตอนนี้ผมได้เขากลับคืนมาแล้ว ... ผมจะไม่ทำให้เขาต้องร้องไห้ เสียใจ หรือทนทุกข์ทรมานกับการที่ต้องทำหน้าที่คู่หมั้นที่ดีให้กับผม .... ผมจะตอบแทนเขาบ้าง ... ตอบแทนในสิ่งที่เขาเป็นผู้ให้ผมมาตลอด ...
ถึงแม้เขาจะไม่ได้มารับรู้ด้วยซ้ำว่าผมพยายามมากแค่ไหนกว่าผมจะได้เขากลับคืนมา แต่เรื่องนั้นมันไม่สำคัญอะไรอยู่แล้วเพราะตอนนี้ผมได้รับโอกาสอีกครั้งที่จะได้ดูแลเขา ..
อย่าลืมดูแลคนที่คุณรักให้ดีๆนะครับ .. พวกคุณอาจไม่ได้โชคดีเหมือนผมเสมอไป. .. ในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็ให้ทำดีกับเขามากๆ เพราะเมื่อเสียเขาไปแล้ว คุณจะไม่สามารถเรียกทุกอย่างกลับคืนมาได้ ... อย่ารอจนกว่าทุกอย่างจะสายเกินไปนะครับ ...
THE END !!!!!!!!!!!!!!
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น